“หล่อฮังก๊วย” มีแหล่งกำเนิดมาจากประเทศจีน
ปลูกขึ้นได้ที่มณฑลกว่างซีที่เดียวเท่านั้น จึงทำให้หล่อฮั่งก๊วยยกลายเป็นพืชเศรษฐกิจของประเทศจีนทีใครๆ ก็ต้องการ ลักษณะคือ จะเป็นลูกสีน้ำตาล มีเปลือกที่แข็งแต่เปราะง่าย ซึ่งเป็นผลที่สุกและแก่แล้ว พร้อมที่จะนำไปต้มดื่มได้ ส่วนผลที่ยังไม่สุกจะมีสีเขียวอ่อนลักษณะคล้ายลูกมะนาว และจะมีสีเขียวเข้มขึ้นไปเรื่อยๆ จนกระทั่งแก่จัดเป็นสีน้ำตาลอ่อนจึงจะเก็บมาบริโภคได้
“หล่อฮังก๊วย” แปลเป็นไทยว่า “ผลไม้ของพระอรหันต์”
เป็นที่นิยมมากในแถบเอเชีย โดยเฉพาะในประเทศญี่ปุ่นมีการวิจัยว่า “หล่อฮังก๊วย”สามารถรักษาและยับยั้งโรคมะเร็งได้ ประเทศญี่ปุ่นมีความพยายามที่จะนำหล่อฮั่งก้วยไปปลูกแต่ก็ไม่สำเร็จ ภาษาอังกฤษเรียกว่า monkfruit
เจ้าลูกกลมๆ สีน้ำตาลแก่ มีดีกว่าที่คุณคิด อย่างที่ทราบว่า น้ำของหล่อฮังก๊วย มีรสหวานฉ่ำ ดื่มแล้วชื่นใจแก้กระหาย ข้อดีของมันก็อยู่ที่ “ความหวาน” นี่เองเพราะความหวานจากหล่อฮั่งก้วยนั่นเป็นสารที่ให้ความหวานแทนน้ำตาล ไม่มีไขมันและไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ แถมยังให้ความหวานได้มากกว่าน้ำตาลอีก นิยมนำไปสกัดเป็นสารให้ความหวานแทนน้ำตาลจากธรรมชาติที่ให้ความหวานมากกว่าน้ำตาลถึง 150-200 เท่า ซึ่งขึ้นอยู่กับปริมาณของสารโมโกรไซด์ (Mogroside)
อีกทั้งหล่อฮังก๊วยยังปราศจากแคลอรี่ ไขมัน คาร์โบไฮเดรต โซเดียม รวมถึงสารสังเคราะห์ต่าง ๆ เช่น แอสปาร์แตม (Aspartame) หรือขัณฑสกร จะว่าไปก็คล้ายๆ “หญ้าหวาน” ที่มีสรรพคุณให้ความหวานแบบไม่อันตราย ใช้ทดแทนน้ำตาลเพื่อผู้ป่วยโรคเบาหวานได้ แต่พิเศษกว่าหญ้าหวาน ตรงที่เป็นสมุนไพรจีนที่ช่วยแก้ร้อนใน ให้ความสดชื่น มีกลิ่นหอมหวาน ไม่เหม็นเขียวและขมปลายลิ้นเหมือนกับหญ้าหวาน จึงทำให้กินง่ายกว่า และไม่กระตุ้นอินซูลิน
ข้อดีของน้ำตาลหล่อฮังก้วย
(Monk fruit sweetener)
- เป็นสารสกัดจากธรรมชาติและไม่มีแคลอรี่
- สาร mogroside ให้ความหวานสูง หวานกว่าน้ำตาลทรายประมาณ150- 300 เท่า
- มีผลดีต่อสุขภาพ สามารถใช้ได้อย่างปลอดภัยและ ไม่มีผลข้างเคียง
- มีการละลายที่ดีและทนต่อความเป็นกรดด่าง
- สามารถใช้ในกระบวนผลิตที่มีการใช้ความร้อน ทนความร้อนได้สูงถึง 150oC ประมาณ 30 นาที
- ใช้ปรับปรุงรสชาติของผลิตภัณฑ์ทำให้มีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์
- ไม่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำตาลในเลือด
- ไม่ก่อให้เกิดฟันผุ